โปรแกรมเมอร์ทำอะไร? เจาะลึกอาชีพนี้แบบเข้าใจง่าย สำหรับคนที่อยากย้ายสาย!
Nattawara Jantaket
22 April 2025
Career tips
Full-stack Developer

เคยสงสัยมั้ยว่า... “โปรแกรมเมอร์ทำอะไรกันแน่?”
เห็นใครๆ ก็พูดว่าเงินดี หางานง่าย แต่เอ๊ะ! ถ้าเราจะย้ายสายมาทางนี้ ต้องรู้อะไรบ้าง? 😵💫
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับอาชีพโปรแกรมเมอร์แบบครบเครื่อง!
บอกเลยว่าอ่านจบ ได้ไอเดียแน่นอนว่าควรเริ่มยังไง ถ้าอยากเป็นหนึ่งในคนทำเว็บ ทำแอป หรือระบบเจ๋งๆ 👨💻👩💻
🧑💻 โปรแกรมเมอร์คือใคร?
คำว่า โปรแกรมเมอร์ ฟังดูเท่ใช่มั้ย? จริงๆ แล้วเขาคือ "คนที่เขียนโปรแกรม" เพื่อทำแอปเจ๋งๆ ให้เราใช้งานนั่นแหละ
หน้าที่หลักคือใช้โค้ดในการสร้างระบบหรือซอฟต์แวร์ที่เราใช้งานอยู่ตลอดเวลา
ยกตัวอย่างง่ายๆ
- แอปช้อปปิ้งที่เราใช้ซื้อของ
- เว็บดูหนัง
- ระบบหลังบ้านที่เก็บข้อมูลลูกค้า
ทั้งหมดนี้เกิดจาก “โค้ด” ที่โปรแกรมเมอร์เป็นคนเขียนนั่นเอง 🧠
🛠️ โปรแกรมเมอร์ทำอะไรในแต่ละวัน?
ถ้าคุณนึกภาพโปรแกรมเมอร์ว่านั่งเงียบๆ อยู่หน้าคอมทั้งวัน เขียนโค้ดยาวๆ 🌀 อย่างเดียว...ก็ ไม่ผิด หรอก
แต่จริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้น! โดยเฉพาะในยุคที่บริษัทส่วนใหญ่ทำงานกันแบบ Agile หรือ Scrum ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานที่ช่วยให้ทีมพัฒนาโปรเจกต์ได้ไว แก้ปัญหาได้เร็ว และสื่อสารกันได้ดีขึ้น
🌟 Agile/Scrum คืออะไรแบบง่ายๆ
- Agile = วิธีคิดที่เน้นการทำงานแบบยืดหยุ่น ปรับตัวเร็ว ทำทีละนิดแต่เห็นผลจริง
- Scrum = หนึ่งในวิธีของ Agile ที่แบ่งงานเป็นรอบสั้นๆ เรียกว่า Sprint (เช่น 1 Sprint คือ 2 สัปดาห์)
🤓 ในแต่ละวันโปรแกรมเมอร์ต้องทำอะไรบ้าง?
⏰ 1. Daily Standup Meeting (ประมาณ 15 นาที)
ทุกเช้า ทีมจะรวมตัวกันยืนคุยสั้นๆ (จริงๆ จะยืนหรือนั่งก็ได้ 555) แต่ละคนจะอัปเดต 3 อย่าง
- เมื่อวานทำอะไร
- วันนี้จะทำอะไร
- มีปัญหาอะไรที่ติดอยู่บ้างมั้ย
ตรงนี้สำคัญมาก เพราะช่วยให้ทั้งทีมรู้ว่าใครทำอะไรอยู่ และสามารถช่วยกันแก้ปัญหาได้ทันที 🗣️💬
👨💻 2. Coding Time! (เวลาส่วนใหญ่ของวัน)
พอประชุมเสร็จ ก็ถึงเวลานั่งเขียนโค้ดยาวๆ 🎯 แต่โค้ดที่เขียนไม่ได้เขียนไปเรื่อยนะ เพราะก่อนเริ่ม Sprint ทีมจะวางแผนไว้อยู่แล้วว่าใน Sprint นี้จะทำอะไรบ้าง ตัวอย่างงานที่อาจได้ทำก็มี
- เขียนฟีเจอร์ใหม่ เช่น เพิ่มหน้าสมัครสมาชิกในหน้าเว็บ
- ปรับปรุงฟีเจอร์เก่า เช่น แก้ระบบกรองผลการค้นหา
- แก้บั๊กจากผู้ใช้งานแจ้งเข้ามา
🧪 3. เขียน Test และเช็คว่าโค้ดทำงานจริง
โปรแกรมเมอร์จะไม่แค่ “เขียนให้ใช้ได้” แต่ต้อง “เขียนให้มั่นใจว่าไม่มีพัง” เพราะเวลาระบบพังขึ้นมา ต้องมีคนขนหลังลุกแน่นอน 😱 เพราะเหตุผลนี้ เลยต้องมีการ เขียน Test เพื่อช่วยตรวจสอบว่าโค้ดที่เราเขียนทำงานถูกต้องตามที่ควรจะเป็น และไม่ไปพังฟีเจอร์อื่นๆ ที่เคยทำไว้
แต่เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ว่าโปรแกรมเมอร์ทุกคนต้องเทหมดกับการเขียน Test นะ ในหลายๆ บริษัท โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางขึ้นไป 👉 มักจะมี "Tester" หรือ QA (Quality Assurance) ที่คอยช่วยดูแลเรื่องการทดสอบโดยเฉพาะ
🤝 4. Code Review (ตรวจโค้ดของเพื่อนในทีม)
ก่อนที่โค้ดจะได้เข้าไปอยู่ในระบบจริง จะต้องให้เพื่อนร่วมทีมช่วยตรวจ บางคนอาจแนะนำให้ปรับปรุง บางคนเจอบั๊กที่เรามองไม่เห็น แถมยังช่วยให้ลดโอกาสเกิดบั๊ก, ได้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงโค้ด, แชร์ไอเดีย/วิธีเขียนให้ดีขึ้น — ตรงนี้คือ Teamwork ล้วนๆ 💪
📦 5. Merge โค้ด / Deploy ระบบ
ถ้าโค้ดผ่านการตรวจจากเพื่อนในทีมแล้ว โค้ดก็จะถูกรวมเข้าระบบหลักที่เปิดให้ผู้ใช้งานเห็น เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้จริง บางทีมอาจมี ทีมเฉพาะช่วยดูเรื่องนี้ แต่บางที่โปรแกรมเมอร์ก็จัดการเองได้หมดเลย 🚀
📚 6. เรียนรู้ & อัปเดตตัวเอง
สายโปรแกรมเมอร์ = สายที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา 💡
ไม่ใช่แค่ "ควรทำ" นะ แต่คือ "จำเป็นต้องทำ" เลยแหละ เพราะโลกของเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วสุดๆ วันนี้อาจเขียนเว็บด้วยเครื่องมือหนึ่ง พออีก 6 เดือนก็มีเครื่องมือใหม่ออกมา หรือ เครื่องมือที่เราใช้ประจำวันวันดีคืนดีก็เลิกซัพพอร์ตแล้วก็มี 😅 เพราะงั้น ทักษะ “การเรียนรู้ด้วยตนเอง” และ “ความกล้าลองของใหม่” เป็น Soft Skill ที่จำเป็นมากเลยในสายนี้!
🔍 สายงานของโปรแกรมเมอร์มีอะไรบ้าง?
ถ้าอยากย้ายสายมาเป็นโปรแกรมเมอร์ สิ่งแรกที่ควรรู้เลยคือ...
“เราจะไปทางไหน?” เพราะโปรแกรมเมอร์ไม่ได้มีแค่แบบเดียว!
👉 และขอเสริมไว้นิดนึงว่า ในโลกของการทำงานจริง คนในวงการมักเรียกกันว่า "Developer" หรือ "Dev" มากกว่าคำว่า Programmer นะ
เช่น Front-End Developer, Back-End Developer หรือ Mobile Dev นั่นเอง 😄
1. Front-End Developer
💡 เน้นสร้าง "หน้าตา" ของเว็บหรือแอป
Front-End คือคนที่ทำให้เราเห็นหน้าจอสวยๆ ที่ใช้งานอยู่ ทุกอย่างที่เราคลิก ดู หรือพิมพ์บนเว็บ ล้วนเป็นผลงานของสายนี้
เครื่องมือที่ใช้บ่อย
- HTML / CSS / JavaScript
- React, Vue, Angular (Framework)
- Figma (ใช้ดูดีไซน์จากทีม UI/UX)
2. Back-End Developer
🧠 เบื้องหลังระบบ – จัดการข้อมูลและตรรกะทั้งหมด
Back-End คือคนที่คอยเชื่อมต่อฐานข้อมูล ประมวลผลคำสั่ง และทำให้ทุกอย่าง “หลังบ้าน” ทำงานได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาเรากรอกฟอร์มสมัครสมาชิก → กดส่ง → ข้อมูลถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล ถ้าไม่มี Backend แบบฟอร์มนี้ก็จะเก็บข้อมูลไว้ไม่ได้
เครื่องมือที่ใช้บ่อย
- ภาษา: Node.js, Python, Java, PHP ฯลฯ
- Database: MySQL, PostgreSQL, MongoDB
- API / RESTful / GraphQL
3. Full-Stack Developer
🌀 สายครอบจักรวาล ทำได้ทั้ง Front-End และ Back-End
พูดง่ายๆ ก็คือ... ถ้าทีมเป็นวงดนตรี Full-Stack คือคนที่เล่นได้ทุกเครื่องดนตรี 😆 คนกลุ่มนี้จะเข้าใจภาพรวมทั้งหมด และสามารถลุยได้ทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน
เครื่องมือที่ใช้บ่อย ก็ทั้งหมดที่ Front-End Developer กับ Back-End Developer ใช้นั่นแหละ 😎
4. Mobile Developer
📱 สร้างแอปมือถือที่ใช้งานบน iOS และ Android
Mobile Dev คือคนที่ทำให้เรามีแอปให้เล่นกันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นแอปธนาคาร แอปส่งอาหาร หรือแอปดูซีรีส์ ล้วนเป็นผลงานจากสายนี้!
เครื่องมือที่ใช้บ่อย:
- ภาษา: Swift (สำหรับ iOS), Kotlin (สำหรับ Android)
- หรือใช้ Flutter, React Native เพื่อเขียนครั้งเดียวใช้ได้ 2 ระบบ
🧠 ย้ายสายมาเป็นโปรแกรมเมอร์ ต้องมีทักษะอะไรบ้าง?
โอเค! ถ้าเริ่มรู้แล้วว่าโปรแกรมเมอร์คืออะไร งั้นลองมาดูว่าต้องเตรียมตัวยังไงเนอะ
✅ ทักษะพื้นฐานที่ควรมี:
- ภาษาเขียนโปรแกรม
- ทักษะการแก้ปัญหา: คิดเป็นขั้นตอน วิเคราะห์ปัญหา
- ภาษาอังกฤษเบื้องต้น: เพราะข้อมูลส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้ามีพื้นฐานก็จะอ่าน doc หรือโค้ดจะง่ายขึ้นเยอะ
- Soft Skills: ทักษะด้านการสื่อสาร, การทำงานเป็นทีม, และความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
🎯 สรุป
สรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายเลยก็คือ...
- โปรแกรมเมอร์คือคนที่เขียนโค้ดเพื่อสร้างซอฟต์แวร์ เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น
- งานมีหลายสายให้เลือก: Front-End, Back-End, Full-Stack, Mobile
- หนึ่งวันของโปรแกรมเมอร์ไม่ได้แค่เขียนโค้ด แต่รวมถึงประชุม วางแผน ทดสอบ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
💬 และถ้าอ่านบทความนี้แล้วเริ่มมีไฟ 🔥 แต่ยังไม่แน่ใจว่า “ถ้าอยากย้ายสายจริงๆ ต้องเริ่มยังไงดี?”
ไปต่อกันได้เลยที่บทความนี้ 👉 เทียบวิธีย้ายสาย Self-learning vs Bootcamp พร้อมแจกแหล่งเรียนรู้ฟรี!
บทความที่น่าสนใจ
ดูทั้งหมด